รีวิวบาคาร่า เกมไพ่ยอดฮิตที่ครองใจนักพนันทั่วโลก

บาคาร่าเป็นหนึ่งในเกมคาสิโนที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่นักพนันทั้งในคาสิโนจริงและคาสิโนออนไลน์ รีวิวบาคาร่า ด้วยกติกาที่เรียบง่าย เข้าใจได้ไม่ยาก และรูปแบบการเล่นที่รวดเร็วและตื่นเต้น ทำให้บาคาร่ากลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือเซียนพนันตัวยงก็ตาม นอกจากนี้ บาคาร่ายังมีอัตราการจ่ายเงินที่ค่อนข้างสูง และมีความได้เปรียบของเจ้ามือที่ต่ำกว่าเกมคาสิโนอื่นๆ จึงทำให้ผู้เล่นมีโอกาสชนะมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเข้าร่วมวงเดิมพันบาคาร่า การทำความเข้าใจกฎกติกา อัตราการจ่าย และเทคนิคพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับบาคาร่าแบบลึกซึ้ง พร้อมแนะนำเคล็ดลับและสิ่งที่ควรระวังในการเล่น เพื่อให้คุณมีความพร้อมก่อนลงสนามจริง

ประวัติความเป็นมาของ รีวิวบาคาร่า จากเกมในวังสู่คาสิโนทั่วโลก

รีวิวบาคาร่า มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลีในช่วงศตวรรษที่ 15 โดยมีชื่อเรียกว่า บัคคารา ซึ่งแปลว่า ศูนย์ ในภาษาอิตาเลียน ในยุคแรก บาคาร่าเป็นเกมที่ได้รับความนิยมในหมู่ชนชั้นสูงและราชวงศ์ยุโรป ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 18 ชาวฝรั่งเศสได้นำบาคาร่ามาปรับปรุงเป็นรูปแบบที่ใกล้เคียงกับที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปแบบ Chemin de Fer ที่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ เมื่อคาสิโนเริ่มเปิดกว้างมากขึ้นในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่นครริเวียราของฝรั่งเศส บาคาร่าจึงแพร่หลายออกจากวังสู่คาสิโนและกลายเป็นหนึ่งในเกมไพ่ที่ถูกเล่นมากที่สุดในบ่อนการพนัน ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 บาคาร่าได้ข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังสหรัฐอเมริกา โดยนำมาเล่นกันอย่างแพร่หลายในคาสิโนที่นครลาสเวกัส แต่รูปแบบของบาคาร่ายุคแรกในอเมริกาจะแตกต่างจากบาคาร่าแบบยุโรปเล็กน้อย กระทั่งรูปแบบ Punto Banco ที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบันได้รับความนิยมมากขึ้นหลังจากนั้น จนกลายเป็นมาตรฐานของบาคาร่าในคาสิโนทั่วโลก ปัจจุบัน บาคาร่ายังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย ซึ่งมาเก๊าถือเป็นเมืองคาสิโนที่ขึ้นชื่อเรื่องการเล่นบาคาร่าโดยเฉพาะ กระทั่งในโลกออนไลน์ ก็มีผู้คนมากมายหันมานิยมเล่นบาคาร่าผ่านคาสิโนบนอินเทอร์เน็ต ด้วยความสะดวก รวดเร็ว และสามารถเข้าถึงได้ง่าย จึงทำให้กระแสความนิยมของบาคาร่าไม่เคยลดลงเลย และนับวันจะยิ่งมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้จะผ่านมานานกว่า 500 ปี แต่บาคาร่าก็ยังสามารถครองใจคนรักการพนันได้เสมอมา

กฎกติกาและวิธีการเล่นบาคาร่าพื้นฐาน

บาคาร่าเป็นเกมไพ่ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อทายผลว่า ระหว่างฝั่งผู้เล่น (Player) กับฝั่งเจ้ามือ (Banker) ฝั่งใดจะมีแต้มใกล้เคียงกับ 9 แต้มมากที่สุด โดยผู้เล่นสามารถวางเดิมพันได้ 3 รูปแบบ คือ แทง Player, แทง Banker หรือแทงเสมอ (Tie) ซึ่งการแจกไพ่จะเริ่มแจกให้ฝั่ง Player ก่อน 2 ใบ จากนั้นจึงแจกให้ Banker 2 ใบเช่นกัน โดยหากฝั่งใดมีแต้มรวมตั้งแต่ 0-5 และอีกฝั่งมีแต้มตั้งแต่ 6 ขึ้นไป ฝั่งที่มีแต้มน้อยกว่าจะได้รับไพ่เพิ่มอีก 1 ใบ ทั้งนี้ในการนับแต้ม หากได้ไพ่ที่มีแต้มรวมกันเป็นสองหลัก ให้นับเอาเพียงหลักหน่วย เช่น ไพ่ 4 กับ 8 รวมกันได้ 12 แต้ม จะนับเป็น 2 แต้ม เป็นต้น โดยไพ่ที่มีค่าสูงสุดคือ 9 และไพ่ที่มีค่าต่ำสุดคือ 0 (หรือไพ่ 10 และไพ่หน้า) ผู้ที่วางเดิมพันถูกต้องจะได้รับเงินตามอัตราจ่ายที่กำหนด ส่วนผู้ที่แทงผิดก็จะเสียเงินเดิมพันนั้นไป ซึ่งอัตราการจ่ายเงินใน 3 รูปแบบการเดิมพันจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย โดยการแทง Banker จะมีอัตราจ่ายราว 1 ต่อ 0.95 ส่วนการแทง Player อยู่ที่ 1 ต่อ 1 และการแทง Tie จะมีอัตราจ่ายที่สูงกว่ามาก อยู่ที่ประมาณ 8 ต่อ 1 แต่โอกาสที่จะเกิดผลเสมอก็มีน้อยมากเช่นกัน แม้กฎกติกาจะไม่ได้ซับซ้อน แต่ทว่าสิ่งสำคัญที่ควรทำความเข้าใจเมื่อเล่นบาคาร่าคือโอกาสที่จะเกิดผลลัพธ์ต่างๆ และรูปแบบในการวางเดิมพันที่สมเหตุสมผล ตามสถิติแล้วการแทง Banker จะมีโอกาสชนะมากที่สุด แต่ก็มีการหักค่าคอมมิชชั่นเล็กน้อยเมื่อชนะ ส่วนการแทง Player จะมีโอกาสชนะรองลงมา แต่ได้เต็มจำนวนเมื่อชนะ และการแทง Tie แม้จะมีอัตราจ่ายสูงแต่ก็เป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นยาก หลายคนจึงมักเลือกที่จะหลีกเลี่ยง ทั้งนี้การมีวินัยในการวางเดิมพัน โดยเพิ่มหรือลดเงินเดิมพันอย่างเป็นระบบตามช่วงที่ชนะหรือแพ้จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ในระยะยาว

ตารางการแจกไพ่บาคาร่า แต้มไหนต้องจั่วเพิ่ม แต้มไหนไม่ต้อง

หนึ่งในสิ่งที่ผู้เล่นบาคาร่าควรทำความเข้าใจให้ดีก็คือ ตารางการแจกไพ่เพิ่มในสถานการณ์ต่างๆ เพื่อประเมินได้ว่าฝั่งใดมีโอกาสชนะมากกว่ากัน ซึ่งจะช่วยในการตัดสินใจวางเดิมพันในแต่ละตาได้ถูกต้องยิ่งขึ้น โดยทั่วไปแล้ว การ์ดแรกที่แจกให้ทั้งสองฝั่งจะไม่มีใครได้ไพ่เพิ่ม แต่เมื่อรวมแต้มของทั้งสองการ์ดแล้วอยู่ในช่วงที่กำหนด ก็จะเป็นโอกาสที่จะได้การ์ดที่สามเพิ่มเติม โดยตารางการแจกไพ่เพิ่มจะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งผู้เล่นและฝั่งเจ้ามือ หากผู้เล่นมีแต้ม 0-5 จะได้รับการ์ดเพิ่มเสมอ แต่ถ้าได้ 6-7 แต้มจะไม่ได้การ์ดเพิ่ม และถ้าได้ 8-9 แต้ม (หรือที่เรียกว่า Natural) จะจบเกมทันทีโดยฝั่งนั้นเป็นฝ่ายชนะ ส่วนฝั่งเจ้ามือจะมีเงื่อนไขที่ซับซ้อนกว่าเล็กน้อย หากเจ้ามือมีแต้ม 0-2 จะได้การ์ดเพิ่มเสมอ ส่วนแต้ม 3-6 จะขึ้นอยู่กับแต้มของผู้เล่น เช่น เจ้ามือมี 3 แต้ม จะต้องจั่วเพิ่มเฉพาะเมื่อผู้เล่นมี 8 แต้ม หรือเจ้ามือมี 6 แต้ม จะจั่วเพิ่มเฉพาะเมื่อผู้เล่นมี 6-7 แต้ม เป็นต้น โดยหากเจ้ามือมีแต้มตั้งแต่ 7 ขึ้นไป จะไม่ได้การ์ดเพิ่ม การทำความเข้าใจตารางนี้จะช่วยให้ผู้เล่นคาดเดาได้ว่าในสถานการณ์ต่างๆ ฝั่งใดมีโอกาสได้ไพ่ดีเพิ่มหรือมีโอกาสปิดเกมในทันที ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการวางเดิมพัน อย่างไรก็ตาม ตารางนี้เป็นเพียงแค่เครื่องมือหนึ่งในการช่วยประกอบการตัดสินใจเท่านั้น ไม่ได้การันตีผลลัพธ์แน่นอน เพราะการ์ดที่สามก็ยังคงมาจากการสุ่ม ผู้เล่นจึงควรตั้งสติและใช้ดุลยพินิจประกอบด้วยในทุกครั้ง ไม่ควรนำตารางการจั่วไพ่มาใช้อย่างงมงายจนเกินไป